top of page
ค้นหา

ฟินต่อไม่หยุด กับทริปเกาหลี เกาใจ

อัปเดตเมื่อ 13 มิ.ย. 2566


ปิ้งย่างเกาหลี
เที่ยวเกาหลีแบบจัดเต็ม

หลังจากสนุกสนานที่ญี่ปุ่นอยู่ 8 วัน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องขึ้นเครื่องเดินทางไปที่ประเทศเกาหลีแล้ว

ตามกฎ ณ ตอนนี้ถ้าจะเดินทางเข้าเกาหลี ก็ต้องลงทะเบียน K-ETA (มีค่าธรรมเนียม 280)

และ Q-CODE (ลงทะเบียนเพื่อละเว้นการกักตัว) ก่อนเพราะฉะนั้นต้องอย่าลืมลง ไม่งั้นเสี่ยงที่จะไม่ได้เข้าเกาหลีมากๆ

การเดินทางรอบนี้ไฟลท์ค่อนข้างสั้นเพราะว่าขึ้นจากโอซาก้า ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว อาหารบนเครื่องรอบนี้ก็คือเลิศ เรากินเป็นเนื้อเสิร์ฟคู่กับผักย่างและสลัด ส่วนขนมหวานเป็นเค้กเกาลัด รสชาติอาหารอร่อยเลยแหละแต่ค่อนข้างจะเค็มไปนิสส

อาหารบนเครื่อง เมื่อบินไปเกาหลี
อาหารบนเครื่องบิน

พอถึงเราก็นั่งรถลิมูซีนที่ทางเอเจ้นจัดให้ไปที่โรงแรม L7 Hongdae ทางเอเจ้นแนะนำให้พักโรงแรมนี้เพราะว่าอยู่ใกล้ถนนคนเดิน Hongdae พอไปถึงก็คือว้าวสุดๆ มันใกล้มากจริงๆ วันนั้นก็คือ

ช้อปมันส์ ตื่นตาตื่นใจกับทั้งร้านอาหารและร้านเสื้อผ้าสุดๆ มื้อแรกที่กินจะเป็นอะไรไปได้ นอกจาก

หมูสามชั้นย่าง หรือ “Samgyeopsal” ที่เราเห็นได้บ่อยๆจากซีรีย์ แถมมีซุปเต้าเจี้ยวฟรีจากคุณป้าที่ร้านอีก (ได้โต๊ะละหนึ่งถ้วยเท่านั้น ไม่มีขายในเมนูด้วย) บอกได้คำเดียวว่าฟินมากกกก…




เช้าวันที่ 2 แพลนวันนี้ก็คือต้องไปเช่ารถเพื่อเดินทางไปที่จุดหมายของเรา “เกาะนามิ” ซึ่งเป็นหนึ่งในที่ที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย และที่ท่องเที่ยวใหม่อย่าง “Ganghwa Seaside Resort”

การเช่ารถที่นี่ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแต่ต้องอายุเกิน 21 ปีถึงจะเช่าได้ ข้อควรระวังคือพวงมาลัยของรถที่นี่จะอยู่คนละฝั่งกับรถที่ไทย คนขับเลยอาจจะไม่ชิน สำหรับใครที่อยากเช่ารถขับก็อยากให้ขับอย่างระมัดระวัง และเคารพกฎจราจรด้วย

จากโซล ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงจุดจอดรถก่อนขึ้นเรือข้ามไปเกาะแล้ว ตรงนี้มีทั้งร้านอาหาร และร้านกาแฟมากมาย พอเห็นร้านแบบนี้ ท้องก็เริ่มร้อง เลยต้องหาอะไรลงท้องซะหน่อย ระหว่างเดินก็เห็นว่าหลายๆร้านขาย Dak Galbi (ไก่ผัดเผ็ดเกาหลี) เลยคิดว่าคงเป็นของดังที่นี่แน่ๆ สุดท้ายก็เลยได้เข้าไปลองกินอยู่ร้านนึง ก็อร่อยอยู่นะ ถึงมันจะออกหวานไปนิดนึง

ไก่ผัดเผ็ดเกาหลี ล่องเรือ
อาหารเกาหลี ล่องเรือ

เมื่ออิ่มท้องก็พร้อมเดินทางต่อ แรกสุดคือเราก็ต้องซื้อบัตรเพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปที่เกาะนามิ ราคาบัตรไป-กลับ จะอยู่ที่คนละ 18,000 won หรือประมาณ 500 บาท เมื่อขึ้นเรือแล้วเราก็นั่งชมวิว 2 ข้างทาง แบบหนาวๆควันออกปากไปเลย พอถึงเกาะนามิ เราก็เดินเล่นแบบชิวๆ ได้ไปถ่ายรูปกับรูปปั้น

“เบยอง จุน” อันโด่งดังจากซีรีย์เรื่อง Winter Sonata ด้วยนะ รวมถึงตลอดข้างทางก็มีของกินขายตลอด มีที่ให้นั่งปิ้งมาร์ชเมลโลว์ด้วย พูดได้ว่าเป็นที่ที่เหมาะกับการมากับแฟนมากๆ โรแมนติกสุดๆ



วันต่อมาเราก็ได้ขับรถต่อไปที่เกาะกังฮวา เพื่อไปเล่นกิจกรรมสุดสนุก ที่เรียกว่า “ลูจ” ซึ่งเป็นรถเลื่อนสไลเดอร์ เครื่องเล่นจากประเทศนิวซีแลนด์ แรกสุดเราต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปบนเขาเพื่อขึ้นลูจ วันที่ไปคนค่อนข้างเยอะเลยต้องต่อแถวนานนิดหน่อย ขอเตือนว่าเข้าให้ถูกแถว เพราะอีกแถวจะเป็นของคนที่เล่นรอบ 2 พอถึงคิว เราก็ตื่นเต้นมาก กังวลว่าเราจะรอดไหม แต่ว่ายังดีที่มีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายอยู่ว่าเราต้องบังคับรถแบบไหน ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะอธิบายเป็นภาษาเกาหลีอย่างเดียว แต่ก็ยังพอเข้าใจอยู่บ้างจากท่าทาง ระหว่างทางลงก็เราก็สามารถดูวิวทั้ง 2 ข้างทางได้ โดยรวมถือว่าสนุก เป็นกิจกรรมที่ทำได้ทุกช่วงอายุ สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ขับรถไป จะสะดวกกว่ามาก


สถานที่ที่เราได้ไปก่อนกลับนั่นก็คือพระราชวัง “เคียงบกกุง”(Gyeongbokgung Palace) ซึ่งเป็นพระราชวังที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดที่อยู่ในกรุงโซล ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1394 จริงๆเราสามารถเช่าชุดอันบก ซี่งเป็นชุดประจำชาติเกาหลีเพื่อเข้าไปถ่ายรูปด้านในพระราชวังได้นะ แต่รอบนี้เราไม่ได้เช่า พอเข้ามาก็ต้องไปซื้อบัตรเข้าก่อน โดยจะมีค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่คนละ 3,000 won หรือประมาณ 80 บาท

นอกจากาสถาปัตยกรรมที่สวยแล้ว สิ่งที่ประทับใจที่สุดที่ได้มาพระราชวังก็คือ ไกด์ที่พาทัวร์รอบๆพระราชวัง ตอนที่เราไปไกด์เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ที่อายุประมาณ 13 เรารู้สึกว่าน้องๆเก่งกันมากที่อธิบายประวัติศาสตร์เกาหลีเป็นภาษาอังกฤษให้เราฟังได้ เพราะคำศัพท์แต่ละคำเป็นศัพท์เฉพาะที่ยาก และพวกเขาทำงานนี้เหมือนเป็นอาสาสมัครของชมรมรักษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาหลี รู้สึกดีมากที่ชมรมจัดกิจกรรมแบบนี้ให้เด็กทำ เพราะทำให้เด็กสามารถฝึกฝนภาษา และแสดงความสามารถของตัวเองได้


วันต่อมาก็เป็นที่ต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว ตอนไปสนามบินคนเยอะมากๆ แต่ดีที่ทางเอเจ้นช่วยออนไลน์เช็คอินให้ก่อน เลยประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างเยอะ... ผ่านไปประมาณ 5 ชั่วโมง เราก็ถึงไทยแล้ว พอเดินออกมาจากประตูเครื่องก็เจอพนักงานยืนถือป้ายชื่อเราอยู่ และเชิญเราไปขึ้นรถกอล์ฟ จากนั้นก็คือนั่งยาวจนถึง ต.ม. เลย สะดวกมาก พอออกจาก ต.ม. ก็มีรถลีมูซีนส่วนตัวมารับไปส่งที่บ้านเหมือนตอนขามาเลย ดีมากๆ

การตะลุยญี่ปุ่นและเกาหลีด้วยตัวเอง 13 วันนั้น เราได้ไปที่ใหม่ๆ ได้กินของอร่อยๆ เยอะมากๆ และทำให้รู้ว่าการเที่ยวเองนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ต้องมีการวางแผนที่ดี ประกันการเดินทางคือสิ่งที่ควรมีมากๆ เพราะหากมีเหตุสุดวิสัย หรืออุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างอยู่ต่างประเทศ เรายังไม่ต้องควักเงินตัวเองออกทั้งหมด เพราะค่ารักษาพยาบาลอาจสูงมากจนเราคาดไม่ถึง และที่ขาดไม่ได้ก็คือเอเจ้นที่เราซื้อตั๋วเครื่องบิน ประกันและบริการอื่นๆ อย่างเช่น รถกอล์ฟ และรถลีมูซีนด้วย ที่คอยอำนวยความตั้งแต่เดินทางออกจากบ้าน จนจบทริป หากใครสนใจบริการ สามารถติดต่อ Line @youthtravelth ได้เลยนะคะ




ดู 19 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Kommentarer


bottom of page